ยิ่งเติบโต ยิ่งต้องมองหาอนาคตที่มั่นคงไว้รองรับชีวิต แต่ก็ใช่ว่าความสุขในอดีตจะไม่สำคัญ เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ หรือควรเก็บพับไว้ การหวนคิดถึงอดีตด้วยการกลับมาเจอกันอีกครั้งไม่ว่างานเลี้ยงรุ่นแบบใดก็ตาม จะเพื่อนประถม เพื่อนมัธยม เพื่อนมหาลัย มันต้องมีสักกลุ่มเพื่อนที่คุณอยากเจอ และควรแก่การพูดคุยถามข่าวคราว หรือนัดจัดงานเลี้ยงรวมตัวกันสักครั้งในชีวิตก็ยังดี
1. เพราะมันเป็นงานที่ทำอะไรแบบเด็ก ๆ ได้ไม่ต้องอายใคร ถอดภาพลักษณ์เรื่องหน้าที่การงาน ตำแหน่งต่าง ๆ ทางสังคมกองไว้ข้างนอกเสียก่อน นานทีปีหนที่จะได้เจอกันนี่สิโอกาสดีที่จะได้คุยเรื่องเก่า ๆ หรือทำอะไรที่อยากทำแต่ไม่เคยทำในตอนเด็ก มันเป็นความเข้าใจเฉพาะรุ่นเรา เฉพาะกลุ่มเพื่อนฝูงเรา ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าเราจะดูดีหรือไม่ คนในสังคมจะมองอย่างไร นี่คือเวลาของเพื่อนฝูง นี่คือเวลาของความเท่าเทียมกัน !
2. เพื่อรับความสุขสบายใจกลับบ้านไป จากกันไปตั้งนาน ต่างคนต่างก็ต้องไปเจอสารพันปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่ไม่เหมือนกัน ปัญหาครอบครัวบ้าง ปัญหาหน้าที่การงานบ้าง จะมีใครเข้าใจและเห็นใจกว่าเพื่อนกันที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่มีแล้ว หรือถ้าจะขอโทษกันในเรื่องที่เคยขุ่นข้องหมองใจกันในอดีตนี่คือโอกาสอันดี ที่จะได้ระบายความในใจให้ฟังบ้าง โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว วุฒิภาวะต้องเติบโตพร้อมกับความรัก
3. คุณอาจจะเจอคนสำคัญในงานนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ครูบาอาจารย์ที่เคยสอน หรือเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน เราอาจจะได้เห็นพวกเขาเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ในงานนั้น ใครเล่าจะรู้โชคชะตาได้ ชีวิตคนเรามีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นอยู่เสมอ
4. คุณอาจได้ไอเดียดี ๆ ติดตัวไปด้วย การพบปะพูดคุยกัน นอกจากจะเพื่อความสนุกสนาน ให้กำลังใจกันและกัน มันยังเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในทางอ้อมอีกด้วย เช่น เพื่อนคนหนึ่งประสบปัญหาธุรกิจแบบหนึ่ง เพื่อนอีกคนอาจมีไอเดียหรือข้อเสนอที่ดีมาช่วยเหลือกันในแบบ “เพื่อนช่วยเพื่อน” ก็ได้
5. คุณอาจได้โอกาสที่ดีมากขึ้น นอกจากโอกาสในการพบปะพูดคุยเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน คุณอาจได้ความก้าวหน้าทางด้านการงานมากขึ้น จากการชักจูงหรือแนะนำของเพื่อน คนที่โสดก็อาจได้คู่จากงานนี้ด้วยก็เป็นไปได้
6. คุณอาจได้ความมีสติมากขึ้น กาลเวลาผันผ่าน ระหว่างที่ไม่เจอกันแล้วกลับมาพบกัน ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ทั้งคน สถานที่ สิ่งต่างๆที่เคยผูกพัน บางคนติดต่อไม่ได้ บางคนถูกลืมไปโดยปริยาย บางคนเพิ่งจะนึกหน้าออกก็ตอนที่เจอกัน บางคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บางคนมีชีวิตที่แย่กว่าเก่า ฯลฯ ทุกความเป็นไปของเพื่อนแต่ละคนที่รู้จักกันมาคืออีกตัวอย่างชีวิตหนึ่ง ที่จะช่วยเตือนสติว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนทั้งนั้น เมื่อจบงานเลี้ยงนี้ไปแล้ว ใช้ชีวิตกับความเป็นจริงของใครของมันเดี๋ยวก็ต้องเจอกับตัวเองในสักวัน ไม่มีใครโชคดีตลอดไป และไม่มีใครโชคร้ายตลอดกาล
"อย่าอายที่จะไปร่วมงานทั้งที่ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่น อย่าเกรงใจเพื่อนที่เขาได้ดีกว่าเรา ในเมื่อ “เพื่อน” คือความหมายที่ลึกซึ้ง ไม่มีการแบ่งกั้น มีแต่จะแบ่งปันไปจนตาย เหตุใดเล่า เราถึงจะต้องเอาชีวิตมาเปรียบเทียบกันอยู่ให้เสียเวลาเปล่า กอดเพื่อนให้เต็มกอด พูดคุยให้เต็มที่สิ ทั้งเขาและเราต่างก็ต้องการกำลังใจกันอยู่แล้ว : )
บทความดีดีจาก:http://www.jeeb.me/467?share